วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

ตัวอย่างการกระทำความผิด พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐

1.ตำรวจบุกรวบหมอสาวคาโรงพยาบาลธนบุรี 




จากกรณีที่ตำรวจหลายหน่วยงานได้ร่วมกันจับ นายคธา ปาจาริยพงษ์ พนักงานบริษัทหลักทรัพย์เคที ซีมิโก้ จำกัด น.ส.ธีรนันต์ วิภูชนันธ์ อายุ 43 ปี กรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์ยูบีเอส (ประเทศไทย) จำกัด และนายสมเจตน์ อิทธิวรกุล อายุ 38 ปี เจ้าของโต๊ะสนุ๊กเกอร์แห่งหนึ่งในชลบุรี ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ทำกระทำผิดตาม พรบ.ว่าด้วยการทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เรื่องการโพสต์ข้อความอันมิบังควรผ่านทางเว็บไซต์ในอินเตอร์เน็ต จนก่อให้เกิดความไม่มั่นคงต่อประเทศชาติและส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจรวมถึง ตลาดหุ้นไทย  
ล่าสุดตำรวจก็ได้เข้าจับกุม พญ.ทัศพร รัตน์วงศา อายุ 42 ปี แพทย์รังสีวิทยา โรงพยาบาลธนบุรี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ.เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดความเสียหายปี 2550 ข้อหานำเข้าข้อมูลอื่นและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงต่อประเทศ โดยมีพฤติกรรมไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ปล่อยข่าวให้เกิดความเสื่อมเสีย โดยผู้ต้องหายอมรับว่า เคยโพสต์ข้อความมิบังควรลงในเว็บบอร์ดจริง

เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปตรวจค้นที่ห้องพัก ภายในรอยัลปาร์ค คอนโดมิเนียม ภายในซอยพหลโยธิน 8 พบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 1 เครื่อง จึงยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ขณะที่ พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหากับพญ.ทัศพร ในความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดความเสียหายปี 2550 โดยนำข้อมูลโพสต์เข้าไปทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดเอาคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหามาตรวจสอบ ว่าจะมีผู้ใดเกี่ยวข้องอีกบ้าง หากพบมีผู้เกี่ยวข้องก็จะออกหมายจับเพิ่มเติมต่อไป ซึงตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใคร ต้องรอผลการตรวจสอบหลักฐานอีกครั้ง


ความผิด 


ผู้ต้องหากระทำความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ.เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดความเสียหายปี 2550 มีโทษจำ 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ วิธีการป้องกัน หากเป็นตัวของดิฉัน ดิฉันจะไม่กระทำการโพสข้อความหรือข้อมูลลงบนอินเตอร์เน็ต ที่มีผลกระทบต่อสังคม และจะป้องกันตัวเองจากการใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ โดยจะไม่ล๊อกอินชื่อตัวเองไว้ในเครื่อง

ที่มา http://news.sanook.com/crime/



2.ตัดสินคดี sms ‘อากง’ ผิดคดีหมิ่น+พ.ร.บ.คอมพ์ จำคุก 20 ปี

 


สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา รัชดา วันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายนายอำพล (สงวนนามกุล) อายุ 61 ปี หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “อากง” ซึ่งถูกฟ้องว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยข้อกล่าวหาว่าส่งเอสเอ็มเอสที่มีข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปยัง โทรศัพท์ของเลขานุการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี

นายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ผู้กล่าวหาในคดีนี้ ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี แจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมความผิดทางเทคโนโลยี หลังจากได้รับ SMS จากเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 0813493615 ที่ส่งมายังเครื่องของตนในวันที่ 9, 11, 12, 22 พ.ค. 2553 รวมจำนวน 4 ข้อความ

จำเลยให้การปฏิเสธ ตั้งแต่ชั้นจับกุม โดยกล่าวว่าไม่รู้จักวิธีการส่ง SMS และหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ส่งนั้นก็ไม่ใช่ของตน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ส่งข้อความหักซิมการ์ดทิ้งไปแล้ว จึงสืบเบาะแสจากหมายเลขประจำเครื่อง (IMEI)

หลังถูกจับกุมเมื่อ วันที่ 3 ส.ค.53 เขาถูกคุมตัวในเรือนจำนวน 63 วัน และได้ประกันตัวเมื่อวันที่ 4 ต.ค.53 หลังจากนั้น ในวันที่ 18 ม.ค. 54 อัยการมีคำสั่งฟ้องคดี จำเลยจึงต้องถูกควบคุมตัวอีกครั้ง ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวโดยให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงตามข้อหาการกระทำความผิดตามฟ้องกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนและ ความมั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง คดีอยู่ในชั้นพิจารณา หากผลการพิจารณาสืบพยานมีหลักฐานมั่นคงจำเลยอาจหลบหนี ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

  18 ม.ค. 54 อัยการมีคำสั่งฟ้องนายอำพลเป็นจำเลยในคดีที่มีการส่งข้อความหมิ่นเบื้องสูง ไปยังนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญ มีความผิดตามมาตรา 14 (2),(3) ตามพ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวตเตอร์ฯ และมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา

ความผิด 

จำเลยจึงมีความผิดตาม มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2551 มาตรา 14 (2) และ (3) การกระทำของจำเลยมีหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นโทษหนักสุด ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี ความผิด 4 กระทง รวมโทษจำคุกทั้งหมด 20 ปี

วิธีป้องกัน 

ไม่ควรพิมพ์ข้อความหรือว่าร้ายใคร โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์


ที่มาของข่าวhttp://prachatai.com/journal/2011/11/37991



3.ฐานตัดต่อคลิปโกงข้อสอบศาล ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์

 


นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติมอบหมายให้ตน ดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ และกลุ่มบุคคลไม่ทราบจำนวนที่ร่วมกันจัดทำและเผยแพร่คลิปวิดีโอชุดที่ 3 เกี่ยวกับคำสารภาพเด็กฝาก ทางคอมพิวเตอร์ เครือข่ายเว็บไซต์ และหนังสือพิมพ์บางฉบับ ระหว่างวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยใช้นามแฝงว่า Ohmygod3009 ที่กระทำการเผยแพร่คลิปวิดีโอเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านการตัดต่อรวม 4ตอน อันเป็นการหมิ่นประมาท หรือ ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย ซึ่งเป็นการร่วมกันกระทำความผิดใน ลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ม.198 ม.326 และ ม.328 รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ และส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยคอมพิวเตอร์ 2550 ม.14 ส่วนกรณีการดำเนินการแจ้งความ ในครั้งนี้นั้น ถือเป็นครั้งที่ 2 จาก 3 คดีในกรณีการเผยแพร่คลิป ซึ่งเป็นกระบวนการทางกฎหมาย และความยุติธรรม ที่คณะตุลาการเลือกใช้ ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรรมการหรือไม่นั้น คงต้องรอมติจากคณะตุลาการ แต่อย่างไรแล้ว ทางสำนักงานจะไม่หยุดแสวงหาความจริงในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ความผิด

ผิดมาตรา 14 บทลงโทษ ปรับไม่เกิน 100,000 จำคุกไม่เกิน5ปี

วิธีป้องกัน 

คลิปวีดีโอที่ผ่านการตัดต่อที่มีเนื้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย เราไม่ควรส่งต่อข้อมูล เพราะเป็นการกระทำความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ควรแจ้งให้ผู้ตรวจสอบหรือเจ้าหน้าที่ให้ทราบ
 
ที่มา http://news.mthai.com/headline-news/93706.html


4. แพลงกิ้งนู้ด โผล่ว่อนเฟซบุ๊ก!! เตือน ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์



จากกรณีท่า แพลงกิ้ง กลายเป็นประเด็นฮิตในสังคมออนไลน์ โดยมีบุคคลจากหลากหลายอาชีพเกาะกระแสดังกล่าว ด้วยการทำท่า แพลงกิ้ง และโพสลงเว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กนั้น ล่าสุดเกิดประเด็น แพลงกิ้งนู้ด หรือการทำท่าแพลงกิ้ง โดยร่างกายเปลือยเปล่าไม่ใส่เสื้อผ้า ซึ่งเรื่องดังกล่าว ได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ว่า ได้รับการแจ้งจากเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม พบการเล่นแพลงกิ้งรูปแบบใหม่ คือ นู้ดแพลงกิ้ง โดยภาพส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ แก้ผ้าทำท่าแพลงกิ้งตามที่ต่างๆ รวมทั้งสถานที่สาธารณะ และยังพบภาพลักษณะเหมือนหญิงสาวชาวเอเชียเปลือยกายแพลงกิ้งบนเก้าอี้ ในห้องนอนแต่ไม่แน่ชัดว่า เป็นหญิงคนไทยหรือไม่  

ทั้งนี้ น.ส.ลัดดา กล่าวต่อว่า ขอเตือนว่าอย่าเอาแบบอย่าง และไม่ควรทำนู้ดแพลงกิ้ง ถึงแม้จะไม่เห็นอวัยวะเพศก็ตาม อีกทั้งการนำภาพมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ หรือในอินเทอร์เน็ต จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ทั้งนี้ สำนักเฝ้าระวังฯจะทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที.)ให้บล็อก และหาตัวผู้นำภาพดังกล่าวมาโพสต์มาดำเนินคดีด้วย

ความผิด
มาตรา 14 นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

วิธีการป้องกัน
ไม่เลียนแบบในสิ่งที่ไม่ควร ควรจัดการอย่างจริงจังกับคนที่ทำ คอยสอดส่องดูแลบุคคลรอบข้างว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวหรือไม่ และว่ากล่าวตักเตือนตามความเหมาะสม


 5แฮกเกอร์! ถล่มเว็บศาลฯ คาดไม่พอใจคดีเกาะเต่า โฆษกศาล ยธ.ลั่นเอาผิด


เมื่อวันที่ 13 ม.ค.59 นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่หน้าเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรม ถูกแฮกเกอร์บุกรุกจนไม่สามารถใช้งานได้ว่า จากการตรวจสอบการเชื่อมต่อโครงข่ายข้อมูลหน้าเว็บไซต์สำนักงานศาลยุติธรรมนั้นไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกที่ตรวจสอบพบว่า หน้าเว็บเพจหน้าแรกของสำนักงานศาลยุติธรรม กลายเป็นบนพื้นสีดำ และมีรูปสัญลักษณ์คล้ายหน้ากากสีขาว พร้อมข้อความภาษาอังกฤษ เขียนว่า “BLINK HACKER GROUP” และ “Failed Law We Want Justice ! # Boycott Thailand” และจากการสืบค้นพบว่า “BLINK HACKER GROUP” เชื่อมโยงกลุ่มที่ใช้ชื่อ Anonymous Myanmar Hacker ซึ่งเหตุดังกล่าว จนถึงวันนี้ (13 ม.ค.) หน้าเว็บไซต์ของสำนักงานศาลยุติธรรม ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ตามปกติ แต่ก็เป็นเพียงการที่บุคคลภายนอกไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น แต่ระบบปฏิบัติงานภายในระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมกับหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

          นายสืบพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำผิดนั้น ในส่วนของระบบโครงการข่ายคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เกิดเหตุสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ประสานสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นองค์กรมหาชน โดยศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ไทยเซิร์ต) ให้ตรวจสอบหาการบุกรุกและช่องโหว่ระบบเครือข่าย ขณะที่การตรวจสอบรายละเอียด IP ADDRESS พบว่ามีประมาณ 10 IP ADDRESS ของผู้ที่เข้ามาบุกรุกระบบโครงข่ายหน้าเว็บไซต์ซึ่งอยู่ในต่างประเทศ

ลักษณะข้อความของผู้บุกรุกทางคอมพิวเตอร์ที่ได้เขียนไว้ในหน้าเว็บเพจของสำนักงานศาลยุติธรรมนั้น ทำให้เห็นได้ว่า อาจเชื่อมโยงการพิพากษาคดีเกาะเต่า ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรม ขอเรียนว่า การกระทำที่เกิดขึ้นของผู้บุกรุกทางคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการพิจารณา และคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีเกาะเต่า ที่ศาลได้ดำเนินการตามบทบัญญัติกฎหมายได้

ความผิด

ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษตาม มาตรา 10 ฐานรบกวน ขัดขวาง ระบบคอมพิวเตอร์ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 12 ผู้ใดกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการใก้บริการสาธารณะหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ระวางโทษตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับ 60,000-300,000 บาท โดยสำนักงานศาลยุติธรรม จะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไปภายใต้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

วิธีการป้องกัน

     ยกระดับความปลอดภัยของเว็บไซด์กระทรวงต่างๆ เพื่อบอกกันการคุกคามทางอินเตอร์เน็ต

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ , 13 ม.ค. 2559



จัดทำโดย

นางสาว ธนาภา อยู่สุข เลขที่ 12
นางสาว กรกช พูนผล เลขที่ 14
ปทฆ.57/1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น